การพิมพ์ 3 มิติ หรือที่คุ้นชินกันในชื่อ “3D Printer” ช่วยให้อุตสาหกรรมการก่อสร้างลดต้นทุน และเพิ่มความรวดเร็วในการผลิตพร้อมกับการใช้วัสดุและการออกแบบที่ดีขึ้น เพื่อสร้างโครงสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ดีได้
โดยทาง Centre for Additive Manufacturing (AM.NUS) ที่ National University of Singapore (NUS) ในประเทศสิงคโปร์ ได้มีการพัฒนากระบวนการพิมพ์ด้วยเทคโลโลยีการพิมพ์ 3 มิติจนประสบความสำเร็จ สามารถพิมพ์ห้องน้ำสำเร็จรูป (Prefabricated Bathroom Units) ด้วยการพิมพ์แบบ 3 มิติ โดยใช้เวลาเพียง 12 ชั่วโมงเท่านั้น ที่สำคัญสามารถใช้งานได้จริงๆ
ได้มีการเริ่มทำวิจัยมาตั้งแต่ช่วงปี 2014 โดยในช่วงแรกทีมวิจัยทำารศึกษาไปกับการพัฒนาวัสดุคอนกรีตที่มีความเหลวเพียงพอให้สามารถพิมพ์ออกมาจาก 3D Printer ได้ และต้องแห้งเร็วพอที่จะพิมพ์ทับลงไปซ้ำได้เช่นกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ “วัสดุจีโอโพลิเมอร์” (Geopolymer) โดยเถ้าลอยเป็นส่วนประกอบหลัก และใช้หุ่นยนต์ 6 แกน ที่ติดตั้งไว้ปลายแขนกับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
จากการทดสอบผลิตห้องน้ำขนาด 1.6 x 1.5 x 2.8 เมตร พบว่า สามารถผลิตห้องน้ำสำเร็จรูปออกมาได้โดยใช้เวลา 9 ชั่วโมง ส่วนห้องน้ำขนาด 2 x 2.6 x 2.8 เมตร ใช้เวลา 12 ชั่วโมงจึงจะแล้วเสร็จ
ห้องน้ำสำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นนี้ ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานด้านความคงทนจากสิงคโปร์แล้ว และปัจจุบัน อยู่ในระหว่างการทดสอบคุณสมบัติในด้านการดูดซึมน้ำ และความทนไฟ ซึ่งทางทีมวิจัยอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแลการก่อสร้างอาคารของสิงคโปร์ในการนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าทดสอบอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากผ่านการทดสอบทั้งหมดแล้วคาดการณ์ว่า กระบวนการผลิตนี้ จะเข้าไปมีบทบาทในอุตสาหกรรมก่อสร้าง รวมถึงพัฒนาไปสู่การแยกตัวออกเป็นบริษัทเพื่อให้บริการในเชิงพาณิชย์ต่อไป