เครื่องพิมพ์ 3 มิติ เทคโนโลยีแบบเส้นพลาสติก (FDM) และเรซิน (SLA) มีแนวโน้มที่จะราคาถูกลง และปรับปรุงให้ดีขึ้นในทุกๆปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ที่มาจากประเทศจีน ในขณะที่ฝั่งยุโรปและอเมริกาพัฒนาเครื่องให้มีความเสถียรมากขึ้น ฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลายมากขึ้น เน้นไปที่ตลาด Professional หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำลังซื้อมากกว่าคนทั่วไป ดังนั้นบทความนี้เลยมาอัพเดดเครื่องและแบรนด์ที่ยังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบันมา
1. Overall Best 3D Printer
สำหรับปีนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากปีที่แล้ว หลายสื่อเลือกให้ Original Prusa I3 MK3S เป็นเครื่องที่ดีที่สุด โดยจุดเด่นมาจากคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง ระบบบริการหลังการขาย และการ Open Source ทั้งตัวเครื่อง โปรแกรม เฟิร์มแวร์ นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีตัวเสริมอย่าง Muti Materials V2 ออกมา เพื่อรองรับการใช้งานหลากวัสดุ หลายสีได้อีกด้วย ปัจจุบันมีให้เลือก 2 เวอร์ชั่นคือชุด KIT ที่ต้องประกอบเอง (ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง) และแบบประกอบมาแล้ว (Assemble)
จุดเด่น
- คุณภาพงานพิมพ์ที่เป็น 1 ในเครื่องที่พิมพ์สวย ใช้งานง่ายมากที่สุด
- ระบบการตั้งค่า และใช้งานทั้งหมด ง่ายต่อผู้ใช้ พร้อมฟังก์ชั่นครบครัน
- คอมมูนิตี้ที่พร้อมสนับสนุน ช่วยเหลือ จากทั่วโลก

2. Budget FDM 3D Printer
อันดับนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Creativity Ender 3 ที่ราคาถูกมาก และใช้เวลาประกอบไม่ถึง 10 นาที ก็พร้อมใช้งาน ทุกชิ้นส่วนที่ให้มาคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย ซึ่งหากใครมีปัญหาเรื่องการตั้งค่า ใช้งาน ก็มีคอมมูนิตี้ที่ให้คำแนะนำได้ เป็นเครื่องที่เหมาะกับคนเริ่มต้นที่อยากเรียนรู้เทคโนโลยี ตัวแปรการทำงาน ปรับปรุงตัวเครื่อง ให้ใช้งานได้เทียบเท่าเครื่องราคาแพง
จุดเด่น
- ราคาถูกมาก สามารถหาซื้อในไทยได้ไม่เกิน 1 หมื่นบาท
- ใช้เวลาประกอบไม่เกิน 10 นาที ขันน๊อตไม่กี่ตัว
- คอมมูนิตี้ที่พร้อมสนับสนุน ช่วยเหลือ พร้อมคำแนะนำด้านการอัพเกรดตัวเครื่องให้ทำงานได้ดีขึ้น

3. Entry FDM 3D Printer
ในระดับที่ราคาเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยมาจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากอย่างยาวนานอย่าง Flashforge ในรุ่น Adventure 3 ที่มีโครงสร้างเป็นระบบปิด ในราคาที่ไม่แพง แต่มาด้วยฟีเจอร์ครบทั้งระบบช่วยตั้งฐาน หน้าจอสัมผัส การปริ้นผ่าน wifi พร้อมกล้องติดตามการทำงาน ในราคาไม่เกิน 2 หมื่นบาท เหมาะกับคนที่เริ่มต้นกับงานเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แต่ต้องการเครื่องคุณภาพดี ที่พร้อมใช้งานเลย ไม่เสียเวลาการตั้งค่า หรือประกอบ
จุดเด่น
- ราคาไม่แพง เป็นเครื่องระบบปิด
- ระบบการทำงานทุกครบทั้งซอฟแวร์ วัสดุ การตั้งค่าในโปรแกรม
- ระบบพิมพ์ผ่าน wifi และกล้องติดตามการทำงาน

4. Large FDM 3D Printer
กลุ่มนี้เปรียบเทียบหลายส่วนทั้งพื้นที่การพิมพ์ การรองรับวัสดุ โปรแกรมและฟังก์ชั่นการใช้งาน สุดท้ายคือคุณภาพการพิมพ์ ผลตกเป็นของ Raise3D รุ่น Pro2 Plus ที่มีขนาดการพิมพ์มากถึง 30x30x60 cm เรียกว่าหากพิมพ์เต็มพื้นที่ต้องเผื่อเวลาไว้ซัก 1 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย จุดเด่นชัดคือหน้าจอสัมผัสด้านหน้าขนาด 7 นิ้ว ที่รวบรวมฟังก์ชั่นการทำงานทั้งหมดไว้ในนี้ อะไรที่คนส่วนใหญ่ชอบทาง Raise3D จัดมาให้ทั้งหมด ตั้งแต่ ระบบขับเส้น Bondtech ระบบควบคุม 32 bit ทำงานเงียบ ระบบกรองอากาศ ระบบ Wifi Cloud สุดท้ายคือโปรแกรม Ideamker ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานในระดับเครื่อง Industrial Grade เลย
จุดเด่น
- โครงสร้างแข็งแรง ฟีเจอร์ระบบสูงครบครัน ตัวเครื่องทำงานเงียบมาก
- ระบบ 2 หัวฉีด ที่ใช้งานได้จริง
- หน้าจอสัมผัส LCD ขนาดใหญ่
- โปรแกรม Idemaker ที่มีลูกเล่นมากมาย
- วัสดุ Open Source พร้อมโปรไฟล์การพิมพ์การทำงานของยี่ห้อในท้อแงตลาด
- รองรับระบบ Cloud Wifi สามารถบันทึก Timelaps ได้

5. Best Budget Resin 3D Printer
อันดับนี้ตกเป็นของน้องใหม่อย่าง Elegoo Mars ที่เน้นการทำตลาดผ่านอเมซอน และบริการหลังการขายอย่างดีเยี่ยม ถึงแม้จะไม่ได้เป็นผู้ชำนาญด้านผลิตเครื่องพิมพ์ 3 มิติ โดยตัวเครื่องมีงานประกอบและ QC ที่ได้มาตรฐาน คุณภาพงานพิมพ์ออกมาดีมาก และราคาเริ่มต้นไม่แพง ทำให้เป็นเครื่องที่ขายดีมากๆ ในอเมซอน ซึ่งช่วงแรกต้องรอถึง 1 เดือน กว่าจะได้ของ ปัจจุบันมีแนวโน้มจะอัพเกรดเป็นรุ่น Pro ที่มีฟีเจอร์ดีมากขึ้น พร้อมราคาที่น่าขึ้นไปอีก 25-30%
จุดเด่น
- ราคาถูก แต่คุณภาพงานประกอบ และคุณภาพดีมาก
- ใช้งานง่าย มาพร้อมโปรแกรมใช้งาน
- บริการหลังการขายยอดเยี่ยม โปรโมชั่นมาบ่อย (เฉพาะที่สหรัฐอเมริกา)
- คอมมูนิตี้ที่แข็งแรง มีผู้ใช้จำนวนมากคอย Support

6. Best Desktop Resin 3D Printer
ตำแหน่งนี้ต้องยกให้ Formlabs Form 3 ที่มียอดจองล่วงหน้าหลายเดือน ด้วยระบบตัวเครื่องที่อัดเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ปรับปรุงแทบทุกจุด ทำให้คุณภาพการพิมพ์ดีขึ้นไปกว่าเดิม นอกจากนี้ส่วนสำคัญของเครื่องคือโปรแกรม Preform ที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้ง่ายขึ้น ลดภาระผู้ใช้งานทุกอย่าง ที่สำคัญคือมีวัสดุเรซินที่ครบ และตอบโจทย์ทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานต้นแบบ วิศวกรรม ทันตกรรม จิวเวรี
จุดเด่น
- ใช้งานง่ายมาก มาพร้อมซอฟแวร์ Preform ที่ชาญฉลาด
- คุณภาพดีกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด
- ระบบบริการหลังการขายยอดเยี่ยม
- มีวัสดุครบทุกการใช้งาน
- ข้อมูลเชิงเทคนิคครบถ้วน

สรุป
ข้อมูลนี้รวบรวมมาจากเวบไซต์ชั้นนำ อย่าง All3DP Maker Muse Hubs แล้วนำมาสรุปด้วยตัวเองจากประสบการณ์ พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเทคนิคที่ออกมา ดังนั้นอาจจะมีความแตกต่างจากเวบอื่นไปตามประสบการณ์และพื้นฐานความรู้ ดังนั้น สิ่งที่อยากแนะนำผู้ที่กำลังเลือกซื้อเครื่องคือ
- รีวิวการใช้งานจากผู้ใช้ตัวจริง
- บริการหลังการขาย
- ต้องตอบโจทย์การนำไปใช้งานและงบประมาณ
หากยึดตามหลัก 3 ข้อด้านบนคิดว่าน่าจะได้เครื่องที่ตอบโจทยืความต้องการมากที่สุด