เทคโนโลยี LCD 3D Printer
เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ แบบเรซินในปัจจุบัน ที่มีราคาเริ่มต้นถูกกว่าเทคโนโลยีอื่นมาก (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม) ในขณะที่คุณภาพของงานเป็นที่ยอมรับมากขึ้น จนกลายเป็นเครื่องที่มีจำนวนยอดขายมากที่สุดไป โดยเครื่องระดับเริ่มต้นที่มีชื่อเสียงในท้องตลาดคือ Anycubic Elegoo Phrozen Creativity Epax เป็นต้น หลักการของเทคโนโลยีนี้คือ มีแหล่งกำเนิดแสง UV ฉายไปยังจอ LCD ที่มีภาพตามต้องการให้เรซินแข็งตัวตามภาพนั้นๆ บางครั้งก็เรียกเทคนิค Masking LCD ดังนั้น
- ความเข้มของไฟ ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดแสง
- ความละเอียดของภาพขึ้นอยู่กับจอ LCD
- ปัจจุบันจอ LCD ในท้องตลาดมีทั้ง Full HD 2K 4K 5K
จอ LCD แบบ RGB
เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ แบบเรซินในปัจจุบัน ที่มีราคาเริ่มต้นถูกกว่าเทคโนโลยีอื่นมาก (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม) ในขณะที่คุณภาพของงานเป็นที่ยอมรับมากขึ้น จนกลายเป็นเครื่องที่มีจำนวนยอดขายมากที่สุดไป โดยเครื่องระดับเริ่มต้นที่มีชื่อเสียงในท้องตลาดคือ Anycubic Elegoo Phrozen Creativity Epax เป็นต้นโดยตัวอักษร RGB มาจากคำว่า Red Green และ Blue ที่เป็นแม่สีหลักในการสร้างสีต่างๆขึ้น ดังนั้นแต่ละ pixel ของจอจะประกอบไปด้วย Filter 3 สี ดังภาพ ปิดทับด้วยกระจกและแผ่นโพลาไลซ์ตามลำดับ
ดังนั้น

ในแต่ละปีจอ LCD ได้มีการพัฒนาขึ้นทั้ง ขนาด ความละเอียด และเทคโนโลยีใหม่ที่เสริมเข้ามา ช่วยให้การแสดงผลดีขึ้น สำหรับปีปัจจุบันความละเอียดระดับ 4K (3840×2160) เป็นมาตรฐานขอจอโทรทัศน์ทั่วไปในราคาเริ่มต้น ใขณะที่เครื่อง 3D Printer ยังมีอยู่น้อย เพียงไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้น ในส่วนของตลาดจำนวนมากยังอยู่ที่ความละเอียด 2K (2160×1440) อยู่

ปัญหาของจอแบบ RGB LCD ที่ไม่เหมาะสมกับการนำมาใช้กับเครื่อง 3D Printer คือ ปริมาณแสงที่ส่องผ่านได้ หรือ Aperture ratio ด้วยข้อจำกัดการผลิต ทำให้ปริมาณที่แสงส่องผ่านได้จะอยู่ที่ 55-80% ดังนั้นเราจะเห็นค่า Brightness ของจอ TFT LCD แทบไม่เปลี่ยนแปลงในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา


ในขณะที่จอ Monochrome หรือเรียกภาษาบ้านๆว่า จอขาว-ดำ นั้นไม่มีปัญหาในส่วนนี้ เพราะไม่ต้องสร้างตัวสี RGB แล้วติดปัญหาการผลิต เรื่องระยะห่างระหว่าง pixel ของสี (คำที่ถูกต้องคือ sub pixel เพราะ 3 สีรวมออกไป 1 pixel 1 สี)

จอ LCD แบบ Monochrome
จากที่กล่าวมาเรื่องปริมาณแสงที่ส่องผ่านได้ที่มากกว่า RGB LCD แล้ว ในส่วนของจอ Monochrome นั้นจะพัฒนาส่วนของ Protective Film มากยิ่งขึ้น โดยมีการเคลือบ 2 ชั้นเพื่อความทนทานของตัวหลอด Mono

อีกด้านหนึ่งที่มีการพัฒนามาพร้อมกับจอแบบ Mono คือตัวแหล่งกำเนิดแสง ซึ่งเหมือนเป็นข้อกำหนดจากผู้ผลิตจอเลยคือ ต้องมีแหล่งกำเนิดแสงแบบตรง ห้ามมีการหักเห ทำให้ pixel บริเวณขอบของการฉายแสงมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น ลดอาการเบลอบริเวณขอบ ดังนั้นต่อให้ความละเอียดเท่ากัน จอแบบ Mono ก็จะให้คุณภาพของงานที่ดีกว่าเสมอ


สรุปข้อมูล
คาดว่าในอนาคตอีกไม่นานเครื่อง LCD 3D Printer จะใช้จอ Monochrome เป็นมาตรฐานของทุกเครื่อง เพราะไม่มีข้อเสียเลยเมื่อเปรียบเทียบกับระบบเดิม และแนวโน้มราคาที่ถูกลงเรื่องๆ ในขณะที่จอแบบปกตินั้น คงเน้นไปที่การใช้งานกับเครื่องขนาดใหญ่ เช่น จอ 42 และ 50 นิ้ว (Photocentric Magna)
ที่มาของบทความและภาพประกอบจาก Chitu System (คลิก)