Chitubox 2.0 กับคู่แข่งมากขึ้น
- นอกจากการแข่งขันด้านการพัฒนาเครื่องรุ่นใหม่ๆ แล้ว ด้านโปรแกรมกลุ่ม Slicer ก็มีผู้เล่นหน้าเก่า หน้าใหม่ เพิ่มมากขึ้นในทุกๆปี แต่ด้วยความที่ Chitubox เป็นเจ้าของด้าน Hardware ทั้งตัวบอร์ดควบคุม จอสัมผัส Firmware ทำให้การพัฒนาด้าน Slicer ค่อนข้างช้ามาก เทียบกับคู่แข่งขันใหม่ๆอย่าง Lychee หรือ Voxeldance Tango
- อีกสาเหตุ เป็นไปได้ว่าต้องการพัฒนาเวอร์ชั่น Pro หรือเวอร์ชั่นที่ต้องเสียเงินใช้งานรายปี ให้เป็นรายได้หลักอีกทาง แต่จากที่ผ่านๆมา มีทั้งลด แจก แถม ก็คาดได้ว่ายอดขายเวอร์ชั่น Pro อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
- หลายๆเวอร์ชั่นที่ผ่านมาตั้งแต่ 1.7-1.9 แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์หลักๆเลย ที่เห็นมากที่สุดก็น่าจะเป็นการควบคุมแบบ 2 step หรือ ที่ทาง Chitubox ใช้คำว่า Two-Stage Motion Control (TSMC) ซึ่งผู้ผลิตเครื่องและเรซินหลายราย ก็ไม่ได้ปรับ profile การพิมพ์ให้เข้ากับฟีเจอร์นี้มากเท่าที่ควร
- จนมาปี 2024 ทาง Chitubox ได้เปิดตัว เวอร์ชั่น 2.0 เป็นทางการ (ส่วน Beta Tester ทดสอบกันตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2023 แล้ว) ซึ่งก็มีฟีเจอร์อัพเดดใหม่ บางส่วนก็เอามาจากตัว Pro ด้วย ใครกำลังสนใจ มาอ่านฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมมาได้เลย
หน้าจอการทำงาน User Interface
- โปรแกรมเวอร์ชั่น 2.0 สามารถลงควบคู่กับเวอร์ชั่นเก่าๆได้เลย ทำให้กลับไปเช็คการตั้งค่าเก่าๆได้ หรือหากมีปัญหาก็กลับไปใช้ตัวเก่าทำงานก่อนได้
- ส่วนการทำงานตอนนี้สามารถเลือกสีธีมของโปรแกรมได้แล้ว โดยมีให้เลือก ขาว ดำ และคลาสสิค
- ส่วนใครที่ใช้จอ 2K 4K ตอนนี้มีฟีเจอร์ UI Display Scale แล้ว ไม่ต้องเพ่งอ่านตัวหนังสือเล็กๆ หรืออาไอคอนที่ไม่ถนัดอีกต่อไป
- หลัง Import งาน จะมีข้อมูลการพิมพ์ ต้นทุน ระยะเวลาขึ้นให้เลย โดยไม่ต้องไป Slice ไฟล์ก่อนแบบเวอร์ชั่นเก่า
- ใครที่หาปุ่ม Add Printer ไม่เจอ ตอนนี้ปรับมาใช้แบบเวอร์ชั่น Pro แล้ว อยู่ที่ปุ่มเครื่องหมาย + บริเวณด้านล่าง
- สำหรับหน้าต่างฝั่ง Model Panel จะมีคำสั่งเล็กๆเพิ่มขึ้นมา เป็นการโชว์ขนาดของชิ้นงาน ซึ่งมีในเวอร์ชั่น Pro ตอนนี้เอามาใส่ใน Basic Free เวอร์ชั่นด้วย
- เวลามองขนาดจะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเข้าไปดูในคำสั่ง Scale
- ปุ่มไอคอนอื่นๆ เรื่องการหมุน ย่อ-ขยาย กลวงชิ้นงาน และเจาะรู ยังคงเหมือนเดิม
- มาที่ส่วนฝั่งขวาของตัวโปรแกรม มุมบนจะมีคำว่า Standard Part และ Resin Alliance เพิ่มเข้ามา
- ส่วนของ Standard Part จะลิงก์กับเว็บไซต์ของ Chitubox เพื่อ Download แบบ 3 มิติ เข้ามาอีกที ซึ่งมีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน
- ส่วนฟีเจอร์ Resin Alliance ที่ให้ผู้ผลิตเรซินทำ Profile แล้ว แล้วมีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ หรือผู้ใช้ Import เข้าโปรแกรมเลย ยังดูไม่สมบูรณ์ทั้งเรื่องปัญหาโหลดไม่ขึ้น โหลดช้า ไม่สะดวกแบบทางฝั่งทาง Lychee ซึ่งก็ต้องรอการปรับปรุงในเวอร์ชั่นถัดๆ ไป
- ส่วนตัวน่าจะต้องปรับการเขียนโปรแกรมใหม่ เพราะเหมือนไปโหลดหน้าเวบไซต์เลยช้า ควรจะทำ UI ครอบ แล้วดึงเฉพาะข้อมูลมามากกว่า
- มาในส่วน UI สุดท้ายที่เพิ่มเข้ามา ให้เห็นแบบชัดเจน คือ Cavity Detector และ Collision Detector ที่คาดว่าใส่มาให้คนเห็นตลอดเวลา
- ทั้ง 2 ฟีเจอร์นี้น่าจะช่วยให้คนที่ยังพึ่งเริ่มใช้เครื่องได้ทราบความจำเป็นของการ ทำรูเจาะเพื่อลดปัญหา Suction Force
- สำหรับคนที่ใช้โปรแกรม Preform ของทางค่าย Formlabs จะคุ้นเลย เพราะชื่อ และตำแหน่งการวางคำสั่ง อยู่ที่เดียวกันเลย
รีวิวคำสั่ง Chitubox 2.0
- ฟีเจอร์ที่เพิ่มมาคือ Cavity Detector ใช้เวลาที่กลวงชิ้นงานในโปรแกรม Chitubox แล้วจะเกิดสุญญากาศภายในชิ้นงานขณะพิมพ์ ตัวโปรแกรมหากเปิดฟีเจอร์นี้ไว้ จะแจ้งเตือนทันที
- หน้าที่ผู้ใช้คือ เจาะรูในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งส่วนนี้โปรแกรมจะไม่ได้แนะนำเรา ขึ้นกับประสบการณ์ผู้ใช้เป็นหลัก ส่วนตัวโปรแกรมเจาะรู แค่ 1 จุดก็แจ้งว่าไม่พบปัญหาแล้ว ซึ่งในการใช้งานจริง ควรจะ 2 รูขึ้นไป เพื่อความสะดวกในการล้าง หรือ ตำแหน่งที่ไม่อยู่ในจุดสนใจเช่น ด้านล่าง หรือด้านหลัง
- ส่วนฟีเจอร์ Collision Detector จะไม่ได้แค่ตรวจว่ามีชิ้นงานส่วนไหน ซ้อนกัน หรือชนกันแค่นั้น จะวัดเป็นปริมาตรทั้งชิ้นงานเลย ว่าชนกันมั้ย
- ตัวอย่างจากภาพด้านซ้าย เหมือนไม่มีส่วนไหนชนกัน แต่ตัวโปรแกรมยังขึ้นเตือนอยู่ แต่พอสร้างกรอบรอบชิ้นงาน จะมีส่วนแขนของอีกโมเดลชนกับส่วนขาด้านล่างอยู่ เมื่อมองจากแนวระนาบ ซึ่งตอนทำ support แยกชิ้นอาจจะมีปัญหาได้ (ถ้ามองเป็น 1 ชิ้น จะไม่มีปัญหาด้านการสร้าง support)
- ตัวโปรแกรมก็มีคำสั่งเล็ก สามารถเลือก Avoid ได้เลย จะเลื่อนโมเดลออกห่างให้อัตโนมัติ
- การสร้าง Support ในชิ้นงานหลักๆ จะเหมือนเดิม เปลี่ยนแปลงชื่อให้เป็นแบบเวอร์ชั่น Pro แล้ว ใครที่กำลังหาคำว่า Support Density ตอนนี้ใช้คำว่า Touch Tip Distance แทน โดยแทนคำว่าระยะห่างระหว่าง Support ซึ่ง 4 mm ที่โปรแกรมตั้งมาก็ค่อนข้างจะห่างไป แนะนำเป็น 2.5-3 mm ถี่ขึ้นมา จะลดปัญหางานเสีย งานหลุดไปได้เยอะ
- ฟีเจอร์เล็กๆ ที่แอบเพิ่มมาในการสร้าง Support ซึ่งเอามาจากเวอร์ชั่นโปร คือการสร้างกิ่ง support แบบ Manual (คนละแบบกับการแตกกิ่งจากเดิม ที่มีมาใน Basic อยู่แล้ว)
- ทั้งนี้ ก็ยังมีจุดด้อยตรง support ที่เราสร้างไม่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ง่ายๆ เพราะขนาดจะอิงจาก Support Profile นั้น ยกตัวอย่าง อยากสร้าง support เล็กๆ ขนาด 2 mm ตลอด ทั้งแนวก็จะไม่สามารถกำหนดได้ ถ้าเลือกแบบ Heavy ไซส์กิ่งที่สร้างขึ้นก็จะอิงจาก Profile Heavy แถมไม่สามารถทราบได้ว่าตอนดึงออกมาจาก ขนาดจะเท่าใด (เวอร์ชั่น Pro ก็เจอปัญหานี้เช่นเดียวกัน)
- ดังนั้นงานจิวเวลรี โปรแกรมสร้าง support ภายนอกก็ยังสะดวกมากกว่า
- อีกหมวดคำสั่งหลักของ Resin Profile จะเปลี่ยนแค่รูปร่างหน้าตาใหม่ แต่คำสั่งเกือบทั้งหมดยังเหมือนเดิม
- จะมีเพิ่มเติมส่วนของกราฟิค ให้ทราบว่าการปรับความเร็วขึ้น-ลง ในโปรแกรม เป็นส่วนไหน
- อีกปุ่มที่เพิ่มมาคือ Import from Cloud ด้านซ้ายบน ซึ่งต้องรออัปเดตฐานข้อมูลเรซิน เพราะตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลใดๆ
- มาในส่วนของการ Slice จะมีฟีเจอร์จากเวอร์ชั่น Pro เข้ามาคือ Island Detection โดยจะตรวจจับชั้นเลเยอร์ที่ลอยอยู่ โดยไม่มีส่วนมารองรับที่เลเยอร์ก่อนหน้า
- บทความนี้ลองทดลองแบบง่ายๆ ก็ตรวจสอบได้จริง ซึ่งก็ช่วยให้ผู้ใช้กลับไปแก้ / เพิ่ม support ได้สะดวกขึ้น
- ซึ่งส่วนนี้มีตำหนิ ตรงเมื่อกลับมาจะแก้ไข support แล้ว ควรจะรวบเลเยอร์หรือจุดให้ด้วย เพราะพองานที่ซับซ้อน หรือมีจุดตำหนิหลายบริเวณ ผู้ใช้จำไม่ได้แน่นอน ว่าต้องแก้ เพิ่ม ลด ปรับ ตรงไหนบ้าง
- ส่วนตัวโปรแกรมจะเน้นให้ลบจุดที่เป็น Island เป็นหลัก ซึ่งก็ไม่ได้แก้ไขปัญหา ได้ทุกครั้ง
ฟีเจอร์อื่นๆใน Chitubox 2.0 ที่ยังด้อยกว่า เวอร์ชั่น Pro
- การซ่อม (Repair) ไฟล์แบบละเอียด โดยสามารถแก้ไขเองได้ทีละ Mesh
- Support Profile ที่เวอร์ชั่น Pro ผู้ใช้สามารถสร้างได้อย่างอิสระ กี่ profile ก็ได้ ทำให้สะดวกเวลามีหลาย Application ในขณะที่ Basic จะมีแค่ 3 เวอร์ชั่น ต้องสลับไปมา (หรือ save เป็น support profile แบบต่างๆ แล้ว import มาอีกที)
- รูปแบบการสร้าง Support ยังจำกัดอยู่ ถึงแม้จะเพิ่มเติมมา แต่ยังด้อยกว่าเวอร์ชั่น Pro และ ด้อยกว่า Lychee Pro อีกมาก
- อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ Chitubox Pro ได้ในลิ้งนี้ (คลิก)