Engineering 3D Printer สำหรับงานวิศวกรรมโดยเฉพาะ
ข้อพิจารณาการเลือกซื้อเครื่อง Engineering 3D Printer
- เลือกให้เหมาะสมกับขนาดของผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้งาน การเลือกไซส์ที่ใหญ่เกินไปจะเปลืองทั้งต้นทุนและพลังงานที่ใช้
FDM
- ABS PC Nylon งานขนาดไม่เกิน 20 cm ควรใช้เครื่องที่มีฝาครอบปิด ควบคุมอุณหภูมิ ให้คงที่ หัวฉีดควรทำอุณหภูมิได้ 300 องศาเซลเซียสเป็นอย่างน้อย
- หากชิ้นงานใหญ่กว่า 20 cm ควรเป็นเครื่องที่มีระบบทำความร้อนภายในเครื่อง (Heating Chamber) อย่างน้อย 80 องศาเซลเซียส เพื่อให้ชิ้นงานแข็งแรง พิมพ์ได้สมบูรณ์
- สำหรับวัสดุ PEEK Ultem PEI ควรเลือกเครื่องระดับอุตสาหกรรม ใช้ชิ้นส่วนคุณภาพ หัวฉีดควรทำอุณหภูมิได้ 450 องศาเซลเซียสเป็นอย่างน้อย
Resin
- ควรรองรับเรซินกลุ่มวิศวกรรม เช่น Tough PP หรือ ABS resin ที่มีความแข็งแรงกว่าเรซินทั่วไป
- ความละเอียดในระดับ 50 ไมครอน ขึ้นไป หรือกรณีงานใหญ่ ควรมีหัวพิมพ์รองความละเอียด 400-600 ไมครอนขึ้นไป
- มีระบบพิมพ์ต่อจากไฟดับ ระบบตรวจจับเส้นหมด ระบบติดตามการพิมพ์ออนไลน์ หรือ Cloud
- โครงสร้างแข็งแรง เป็นระบบปิดป้องกันกลิ่นและควบคุมอุณหภูมิให้คงที่
ตัวอย่างงานด้านวิศวกรรม



เครื่อง 3D Printer ที่เหมาะสม
บทความวัสดุวิศวกรรมสำหรับเครื่อง 3D Printer

3D Print Rubber
3D Print Rubber ในความเป็นจริงแล้วเรายังไม่พบความเป็นไปได้ไหมที่จะพิมพ์ยางด้วยการพิมพ์ 3 มิติ จาก 3D Printer เนื่องจากยางเป็นวัสดุอินทรีย์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว โดยธรรมชาติของยางนั้น เมื่อยางผ่านกระบวนการวัลคาไนเซชัน

3D Printer Keep the environment
Eco-Friendly 3D Printing 3D Printer หรือการพิมพ์ 3 มิติมาพร้อมกับความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมเช่นการปล่อยมลพิษที่เป็นอันตรายและการใช้พลาสติกในปริมาณมาก แต่ทุกคนก็พยายามทำอย่างดีเยี่ยมเพื่อช่วยสิ่งแวดล้อมจากการใช้การพิมพ์ 3 มิติ ไม่ว่าจะเป็นการรีไซเคิลพลาสติกในปริมาณมากพร้อมกับขยะพลาสติกอื่น

3D Print Diamond
Diamond หรือ เพชร ชื่อที่เราเรียกกันจนคุ้นชินเป็นชื่อแก้วที่แข็งที่สุด มีการหักเหแสงมากที่สุดจึงมีน้ำแวววาวมากกว่าพลอยอื่น ๆ ใช้ทำเครื่องประดับ หรือใช้ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรม เช่น ใช้ตัดของแข็ง เป็นต้น ซึ่งการขึ้นรูปแบบดั้งเดิมจะใช้ช่างฝีมือในการเจียระไนเพชร

3D printer PAEK filament
Poly aryl ether ketone (PAEK) PAEK เริ่มถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในช่วงต้นปี 1970 มีชื่อเต็มว่า “Poly aryl ether

3D Printing STEM Learning
STEM Learning (Science Technology Engineering and Mathematics Learning) คือ องค์ความรู้ วิชาการ และแนวทางการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ของศาสตร์ทั้งสี่ที่มีความเชื่อมโยงและสามารถบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์

Metal 3D Printer เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงในปัจจุบัน
Metal 3D Printer มีผลอย่างไรต่อการผลิต Metal 3D printer เป็นเทคโนโลยีใหม่ในระบบการผลิตของอุตสาหกรรม โดยจะเปลี่ยนการออกแบบใหม่ทั้งหมด (re-design) เพื่อให้มีน้ำหนักลดลง มีรูปร่างที่ซับซ้อนได้มากขึ้น

การออกแบบแม่พิมพ์จากเครื่อง 3D Printer เพื่อใช้กับเครื่อง Vacuum Forming
เทคโนโลยีหรือเทคนิคของกระบวนการ Vacuum forming เป็นกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับความร้อนและใช้ความดันสูญญากาศเป็นหลักสำคัญ อีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรละเลย คือ การออกแบบแม่พิมพ์เพื่อใช้งาน 3D Printed Vacuum Forming Design

3D Printer Tissue
Print tissues ในปัจจุบันมักจะเป็นการพิมพ์งานทางชีวภาพ สามารถใช้ในการพิมพ์เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ เพื่อช่วยในการวิจัยยาและยาเม็ด อย่างไรก็ตามนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่มีตั้งแต่การพิมพ์ทางชีวภาพของเซลล์ หรือเมทริกซ์นอกเซลล์ ที่พิมพ์ 3 มิติ ในแบบชั้นเจล ทีละชั้น

การหาค่าขนาด การสวมประกอบที่เหมาะสมสำหรับชิ้นงานที่ผลิตจาก 3D Printer
การออกแบบสำหรับงานสวมประกอบสำหรับบุคคลทั่วไป พื้นฐานการออกแบบงานสวมประกอบ (Fitting, Assembly) ระหว่างชิ้นงาน 2 ชนิด คือ ต้องเผื่อขนาดการสวมประกอบทุกครั้ง ภาษาช่างใช้คำว่า สวมอัด สวมคลอน

รวมไอเดียความสนุกจาก 3D Printing
ไม่เพียงเปลี่ยนวิธีการผลิตสินค้าในระดับอุตสาหกรรมเท่านั้น 3D Printing ยังเข้าสู่กระบวนการทำงานของวิศวกร งานอดิเรก การศึกษา การสร้าง 3D Model มีวิธีการต่างๆ มากมาย บทความนี้ขอเน้นไปที่ไฟล์พื้นฐานทั่วไป

3D Printing Silicone and PU
Silicone กับ PU ต่างกันอย่างไร Silicone and PU มีหนึ่งในความแตกต่างที่สำคัญระหว่างซิลิโคนและโพลียูรีเทน นั่นก็คือองค์ประกอบทางเคมี ซิลิโคน (Silicone) เป็นพอลิเมอร์ที่ประกอบด้วย

3D Printer Hydroponics Soilless Plant Cultivation
Hydroponics Soilless Plant Cultivation เป็นการปลูกพืชแบบไร้ดิน และเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกพืชด้วยน้ำซึ่งเป็นวิธีการปลูกพืชโดยใช้สารละลายธาตุอาหารในน้ำโดยไม่ต้องการดิน พืชจะใช้รากในการดูดสารละลายในน้ำที่มีแร่ธาตุอาหารเท่านั้นโดยจะถูกส่งไปยังพืชผ่านทางระบบน้ำหยดหรือระบบสระว่ายน้ำที่ขับเคลื่อนด้วยปั๊ม การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ มีประโยชน์ในเรื่องการเก็บเกี่ยวที่ง่ายมากขึ้น การควบคุมสารอาหารและระดับ pH รวมถึงการใช้น้ำน้อยลงเพราะสิ่งที่ไม่ได้ถูกดูดซึมโดยรากพืชนั้นจะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยการผ่านระบบเดิม