รู้จัก Drug Delivery Systems กันหรือยัง
Drug Delivery Systems หรือ “ระบบนำส่งยา” คือ การเตรียมยาหรือวัคซีนในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถควบคุมให้ปลดปล่อยยาในอัตรา ปริมาณ และเวลาที่กำหนด จะสามารถนำยาไปยังอวัยวะ หรือบริเวณเป้าหมายในร่างกายได้ตามต้องการ เพื่อทำให้เกิดผลสูงสุดในการรักษาและลดผลข้างเคียง
ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นจะใช้ในการรักษาของมนุษย์เพียงอย่างเดียว ยังมีประโยขน์ในการรักษาสัตว์ได้เช่นกัน ทำให้ลดความเครียดจากการบังคับสัตว์หรือการให้ยาซ้ำ เพื่อลดต้นทุนเนื่องจากสามารถลดแรงงาน และลดเวลาในการปฏิบัติงานของสัตวแพทย์กับตัวสัตว์

https://picswe.net
3D Printer ในการผลิตยา
มีผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกเป็นผู้ใช้ยาและแคปซูลยาเป็นประจำ แม้ว่าเราจะยอมรับความจริงที่ว่ายาทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและตอบสนองต่อเราในการรักษา แต่ก็ไม่ควรมองข้ามความยากลำบากที่เราเผชิญเมื่อทานยา
จากข้อมูลของ PMLive ที่ได้การสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าผู้คนมากถึง 50% มีปัญหาระหว่างการรับประทานยา บางคนกลืนยาแคปซูลได้ยาก เนื่องจากยามีขนาดใหญ่ เด็ก ๆ อาจหลีกเลี่ยงยาเม็ดเนื่องจากมีรสชาติที่ไม่เป็นที่พอใจ มันยังแย่กว่านี้ในกรณีของผู้สูงอายุ ยาประจำของพวกเขาที่กินปกติรวมถึงการหยิบยากินด้วยตัวเอง ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการทานยาเม็ด

(https://all3dp.com)

เรามักจะเห็นการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้ในการผลิตระบบนำส่งยา แต่นักวิจัยสามคนจากมหาวิทยาลัย Sussex กำลังรวมเทคโนโลยี Fused Deposition Modelling (FDM) เข้ากับสิ่งที่เรียกว่า Hot-Melt Extrusion (HME) เป็นการประยุกต์ใช้ทางเภสัชกรรมขั้นสูงด้วยกระบวนการ FDM สำหรับการผลิตยาส่วนบุคคล

(https://3dprint.com)
ข้อได้เปรียบของการใช้ HME ในการผลิตเส้นใยพอลิเมอร์สำหรับการพิมพ์ด้วยระบบ FDM คือการกระจายตัวที่เป็นเนื้อเดียวกันของปริมาณสารผสมสองชนิดหรือมากกว่านั้น ซึ่งก็คือตัวยาต่างๆ ที่เภสัชกรรมได้ออกแบบไว้ สามารถสร้างเป็นพอลิเมอร์และยาที่ทนความร้อน
เทคนิค HME สำหรับการพัฒนาการพิมพ์ 3 มิติ สามารถปรับปรุงการดูดซึมและการละลายของยาได้ดีขึ้น รวมทั้งรักษาระดับการปลดปล่อยตัวยาในระยะเวลายาวนานได้ดี

3D Printer ที่รองรับ
เครื่อง 3D Printer ที่รองรับ สามารถใช้เครื่องที่เป็นระบบ FDM, SLS, STL, DLP และอื่นๆได้ ปัจจัยหลักสำหรับการใช้ 3D Printer ในการผลิตยาก็คือ filament ที่มีตัวยาผสมอยู่ หรืออยู่ในลักษณะของเหลว อย่างเช่น เรซิ่น
– Sintratec’s
– MakerBot
และอื่นๆ


Sintratec’s
Print Volume (max.); 110 x 110 x 110 mm
Print Volume (recomm.); 90 x 90 x 90 mm
Layer Height; 50 – 100 Micrometers
Laser Speed; 5 – 20 mm/s
Temperature; 80 – 150 °C
Outer Dimensions
Heigth; 600 mm
Width; 520 mm
Depth; 380 mm
Weight; 28 kg
Power Connection; 230 V or 110 V AC
Peak Power Consumption; 1.7 kW
Melting Point; 110-180 °C


MAKERBOT REPLICATOR 2X
Print Technology; Fused Deposition Modeling
Build Volume; 24.6 L x 15.2 W x 15.5 H cm [9.7 x 6.0 x 6.1 in]
Layer Resolution; 100 microns [0.0039 in]
Positioning Precision; XY: 11 microns [0.0004 in] Z: 2.5 microns [0.0001 in]
Filament Diameter; 1.75 mm [0.069 in]
Nozzle Diameter; 0.4 mm [0.015 in]
Product Dimensions
Without Spool; 49 L x 32 W x 53.1 H cm [19.1 x 12.8 x 20.9 in]
With Spool; 49 L x 42 W x 53.1 H cm [19.1 x 16.5 x 20.9 in]
Shipping Dimensions; 60.5 L x 58.4 W x 41.7 H cm [23 x 23.8 x 16.4 in]
Product Weight; 12.6 kg [27.8 lbs]
Shipping Weight; 17.8 kg [39.25 lbs]
Storage Temperature; 0 – 32 ° C [32 – 90 ° F]
Operating Temperature; 15 – 32 ° C [60 – 90 ° F]
AC Input; 100–240 V, ~4 amps, 50–60 Hz
Power Requirements;
24 V DC @ 9.2 amps
ที่มา;
Researchers Combining FDM 3D Printing with Hot-Melt Extrusion for Drug Delivery Systems
https://all3dp.com/2/3d-printing-drugs-the-latest-advancements-around-the-world/