วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการทำเงินจาก 3D Printer คือการนำเสนอเครื่องพิมพ์เป็นบริการเชิงพาณิชย์หรือขายสินค้าที่ทำด้วย ให้แก่ธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่ต้องการวัตถุ หรือชิ้นงานผลิตจากการพิมพ์ 3 มิติ แต่ไม่มีเครื่องพิมพ์ วัสดุ หรืออุปกรณ์ นอกจากนี้ในฐานะนักออกแบบที่มีทักษะ สามารถสร้างไอเท็มเฉพาะตัวและจำหน่ายได้ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้อย่างรวดเร็วด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่หลายๆ คนมองโลกของการผลิตและได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการนวัตกรรมรายใหม่
ด้วยเทคโนโลยีการผลิต additive manufacturing สามารถผลิตสิ่งของต่างๆ ได้ในระดับสูง การปรับแต่ง และความซับซ้อนไม่ยุ่งยาก ในขณะที่ยังช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความก้าวหน้าทางเทโนโลยีในปัจจุบันทำให้มีเครื่องพิมพ์ 3D ที่หลากหลายมากขึ้น เสร็จสิ้นกระบวนการผลิตได้ในเครื่องเดียวแบบ all in one
อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันแต่ใช้การพิมพ์ 3 มิติเหมือนกันในการสร้างรายได้ ดังนี้
1. บริการผลิตงานต้นแบบ
การบริการรับพิมพ์ต้นแบบ หรือ Rapid prototyping services น่าจะเป็นอันดับแรกๆ สำหรับหลายคนที่มีเครื่องพิมพ์ 3 มิติอยู่ในมือ เนื่องจากลูกค้านั้นไม่อยากดูแลรักษาเครื่อง ต้องการใช้วัสดุที่หลากหลาย และมีเวลาที่จะไปทำอย่างอื่น ซึ่งรายได้ที่มาจาก service print โดยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับวัสดุ เวลา ความละเอียด และขนาดของแบบจำลอง สำหรับงานขนาดเล็กอาจเห็นความแตกต่างเล็กน้อย แต่งานขนาดใหญ่จะคุ้มค่า
ข้อดี และประโยชน์ของบริการผลิตงานต้นแบบ แน่นอนว่าเป็นการสร้างต้นแบบที่รวดเร็วด้วยการพิมพ์ 3 มิติแทนวิธีการผลิตแบบเดิมๆ ได้อย่างดี นอกจากนี้
- การพิมพ์ 3 มิติช่วยลดเวลา และต้นทุนในการผลิตต้นแบบ
- ลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดในการออกแบบหรือการประดิษฐ์
- ช่วยให้มีความเป็นไปได้ในการสร้างต้นแบบที่หลากหลายของการออกแบบเดียวกัน
- เพิ่มความสามารถในการสร้างผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ซับซ้อนมากขึ้น
2. การพิมพ์ 3 มิติเชิงพาณิชย์และการขายสินค้า
การพิมพ์ 3 มิติเชิงพาณิชย์นั้นจะต้องแสดงรายการเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่เปิดให้บริการ วัสดุที่สามารถจ้างพิมพ์ได้ รวมถึงการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หรือเครื่องพิมพ์ที่เข้าถึงได้ง่าย และเว็บไซต์มีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยได้ สิ่งที่ต้องทำคือเริ่มต้นบัญชีด้วยมีที่อยู่ e-mail อย่างถูกต้อง ระบุรายละเอียดบางอย่างที่จำเป็นเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ และที่ตั้งหรือที่อยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้ามาติดต่อ
Commercial 3D printing จะแตกต่างกับการทำแบบจำลอง เนื่องจากการพิมพ์ 3 มิติเชิงพาณิชย์นั้นสามารถนำชิ้นงานไปใช้งานจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่ของรถยนต์ รถแข่งบังคับวิทยุ และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
ธุรกิจและนักออกแบบหลายคนทำงานให้เสร็จ และสามารถจัดส่งงานให้กับลูกค้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งความประทับใจที่ได้เห็นชิ้นงานที่ตนเองต้องการได้อย่างทันใจนั้นได้แสดงให้เห็นว่ามีการปรับปรุงมากกว่าวิธีการแบบดั้งเดิม ผู้ผลิตและนักออกแบบรายใหญ่ๆ ได้เห็นคุณค่าในการปรับปรุงการออกแบบ การผลิต ลดต้นทุน เพิ่มผลกำไรได้ต่อเนื่อง
3. ผลิตภัณฑ์ทำมือและงานฝีมือ
อีกวิธีที่น่าสนใจไม่น้อยในการสร้างรายได้ด้วย 3D Printer คือการเข้าสู่ตลาดสำหรับเป็นผลิตภัณฑ์ลักษณะงานทำมือโฮมเมด และงานฝีมือส่วนบุคคล ซึ่งคล้ายงานปั้นและงานแกะสลัก เพื่อสร้างลวดลายต่างๆ ในการนำไปใช้ตกแต่งบ้าน และอื่นๆ ได้ตามต้องการ บางบริษัทเริ่มเสนอผลิตภัณฑ์ในด้านนี้โดยใช้การพิมพ์ 3 มิติและนำไปสู่ความสำเร็จมากมายจากงานประเภท Homemade products and crafts
ตัวอย่างที่สามารถเห็นได้ชัดเจนของผลิตภัณฑ์คล้ายทำมือและงานฝีมือ ก็คือการออกแบบตกแต่งภายในด้วยลวดลาย หรือรูปลักษณ์ของโบราณ โดย Laboratorium of Digital Fabrication ใช้การพิมพ์ 3 มิติ แทนที่จะต้องเสียเงินมากขึ้นและต้องรอเป็นเดือนเพื่อให้สิ่งของเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือเฉพาะทาง ซึ่งวิธีนี้พร้อมสำหรับการติดตั้งได้ภายในระยะเวลาประมาณ 3 วัน เป็นการประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า สำหรับใครที่มีไอเดียในออกแบบงานประเภทนี้ ลองเปลี่ยนจากแนวคิดที่มีมาสร้างเป็นรายได้ได้อีกทางหนึ่ง เพราะนอกจากนี้ยังมีบริษัทต่างๆ เช่น American Standard และ Emerging Objects ที่ออกนอกกรอบในการออกแบบและการผลิตของตกแต่งบ้านด้วยการสร้างเอกลักษณ์ โดยพึ่งพาเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ทั้งนี้ยังมีรายการที่มาจากสิ่งพิมพ์ 3 มิติอีกหลายรายการ ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ มีด ไปจนถึงโคมไฟ และก๊อกน้ำที่ไม่เหมือนใคร
อีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่น่าจับตามองและน่าสังเกต คือ บริษัทเครื่องประดับ ที่ตัดสินใจใช้ประโยชน์จากความคล่องตัว ความสะดวกสบาย และความรวดเร็วของการพิมพ์ 3 มิติ ทำให้ Vowsmith หันมาใช้การพิมพ์ 3D เพื่อสร้างแหวนแต่งงานที่กำหนดเองด้วยลายนิ้วมือของคู่หมั้น อีกหนึ่งอุตสาหกรรมจิวเวรี่ คือ Jeweler American Pearl กำลังใช้การพิมพ์ 3 มิติเพื่อสร้างเครื่องประดับแบบกำหนดเอง และได้แสดงให้เห็นถึงการลดต้นทุนของกระบวนการผลิตอย่างมาก เนื่องจากใช้จำนวนแรงงานน้อยลง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการผลิตจากวิธีการดั้งเดิมจะมากกว่าการใช้ 3D Printer นอกจากนี้ยังสามารถเสนอชิ้นงานที่ลูกค้าได้เลือกไว้เองและพร้อมใช้งานเพียง 3-4 วันเท่านั้น ความสามารถในการตัดราคา การแข่งขัน และระยะเวลาให้บริการที่รวดเร็วกว่านั้น แสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบซึ่งนำพามาถึงรายรับได้รวดเร็วด้วยเทคโนโลยี 3D Printing
4. จัดอบรม 3D Printer
ธุรกิจ โรงเรียน และมหาวิทยาาลัยหลายแห่งเริ่มมีใช้การพิมพ์ 3 มิติเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและปรับปรุงกระบวนการศึกษา การพิมพ์ 3 มิติสามารถนำมาใช้เพื่อขยายจุดสิ้นสุดของหลักสูตรในหลายสาขาวิชา เช่น การก่อสร้าง วิศวกรรมการออกแบบ วิศวกรรมวัสดุ สถาปัตยกรรม เป็นต้น ผู้คนจำนวนมากมีความสนใจในการพิมพ์ 3 มิติโดยเฉพาะอาจารย์ นักวิจัย นักศึกษา และนักเรียนที่กำลังมองหานวัตกรรมใหม่ๆ มาสร้างอาชีพในการออกแบบ 3D การพิมพ์ 3 มิติ หรือเป็นการต่อยอดและบูรณาการของรายวิชาต่างๆ โดยเฉพาะ สามารถเสนอให้จัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนได้โดยมีค่าธรรมเนียม และสอนนักเรียนเกี่ยวกับ 3D Printing ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นสูง วิธีการตั้งค่า และใช้งานเครื่องพิมพ์ 3 มิติด้วยตัวเอง การหางานสอนการพิมพ์ 3 มิติอาจเป็นเรื่องยาก แต่การโฆษณาบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียต่างๆ ในยุค 4.0 ทำให้การนำเสนองานเป็นจุดเริ่มต้นได้ไม่ยาก รวมถึง connection ที่มีกับบุคลและสถานที่ต่างๆ จะช่วยเปิดโอกาสให้มีการจัดอบรมได้มากขึ้น
ข้อดี คือ นักเรียน นักศึกษา ผู้เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมและการออกแบบโดยใช้การพิมพ์ 3 มิติเพื่อพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์ ต้นทุนที่ต่ำลงและความสามารถในการพิมพ์ที่เพิ่มขึ้นด้วยเครื่อง 3D Prinnter ทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่ง แก้ไข และปรับปรุงได้มากขึ้น ช่วยให้การทดลอง การออกแบบ และคุณสมบัติที่แตกต่างกันได้ในราคาที่ต่ำกว่าวิธีอื่นมาก
ประโยชน์การพิมพ์ 3 มิติเพื่อปรับปรุงวิธีการสอนวิศวกรรม แทนที่จะดูไดอะแกรมและอธิบายเกี่ยวกับการทำงานของสิ่งต่าง ๆ นักเรียนสามารถออกแบบ จัดการและสร้างส่วนประกอบที่แตกต่างกันเพื่อดูวิธีการทำงานในโลกแห่งความเป็นจริง ทำให้มีความเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องท่องจำ
5. สร้างผลิตภัณฑ์ หรือแบรนด์ของตัวเองและขาย
สร้างผลิตภัณฑ์ หรือแบรนด์ของตัวเองและขาย สามารถสร้างรายได้จริง โดยการเข้าสู่ตลาดของงานฝีมือส่วนบุคคลและผลิตภัณฑ์โฮมเมด ซึ่งเป็นการต่อยอดจากจากผลิตภัณฑ์ทำมือ และงานฝีมือนั่นเอง (ข้อ 4) หากทำการผลิตส่งให้กับบริษัทต่างๆ ไปใช้ภายใต้ชื่อการค้านั้นๆ ก็ยังสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ตัวอื่นขึ้นมาได้ โดยใช้ชื่อแบรนด์ของตนเอง แต่ต้องไม่ใช่การลอกเลียนแบบงานของผู้อื่น เพราะการนำเสนอผลิตภัณฑ์การตกแต่งภายในบ้าน ถือได้ว่ามีของลักษณะเดียวกันเพียงแค่ต่างชื่อกันไปให้ผู้บริโภคได้เลือก อีกทั้งรายการผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์ รวมถึงลูกบิดประตู ที่ติดตั้งโคมไฟ ก็ยังมีหน้าตาที่แตกต่างกันได้อีกมากมาย จึงไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าจะสร้างแบรนด์ให้ผลิตภัณฑ์ตัวและขาย
โดยทั่วไปแล้วสามารถสร้างวัตถุประเภทใดก็ได้ที่ต้องการ หากมีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องอเนกประสงค์ในการขึ้นรูปทรงสิ่งต่างๆ ก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิม ทุกอย่างมาจากช่องทางที่มีอยู่บวกกับความคิดสร้างสรรค์ในตัวเอง
3D Printer ที่ใช้ทำเงิน
เครื่อง 3D Printer ที่สามารถใช้สร้างรายได้จากการพิมพ์ 3 มิติโดยใช้หนึ่งในแนวคิดด้านบนหรือรวมเข้าด้วยกัน ระบบการพิมพ์ 3 มิติที่ได้รับความนิยมในการใช้เพื่อสร้างรายได้ คือ
- FDM (Fused Deposition Modeling)
- SLA (Stereolithography)
- SLS (Selective laser sintering)
เครื่องที่ใช้มีหลากหลายรุ่น และมีแบรนด์ใหม่ที่น่าสนมากมาย เช่น
- FDM ได้แก่ Sync C200 , Sync C300, Sync C series เป็นต้น
- SLA ได้แก่ Sync DLP 180 Jewelry, Elegoo Mars, Phrozen Shuffle Lite, Phrozen series เป็นต้น
- SLS ได้แก่ Dedibot DLS 200 เป็นต้น
(3D Model Calibration โหลดฟรีสำหรับทดสอบเครื่อง 3D Printer)
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน จะนำมาสู่การเลือกใช้เครื่องและระบบการพิมพ์ที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานที่ต้องการผลิตชิ้นงานจริง มีความแข็งแรงไม่แตกต่างจากกระบวนการฉีดขึ้นรูป หรืองานทางวิศวกรรม โดยเฉพาะรองรับวัสดุไนลอน PA12 ดังนั้นหากมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้เลือกใช้วัสดุ และเครื่องได้ง่ายขึ้น ทำให้งานที่ออกมามีคุณภาพ
Fused deposition modeling (FDM) or Fused filament fabrication (FFF)
Stereolithography (SLA)
